ไสยศาสตร์กับคนปัจจุบันเป็นเรื่องที่แปลกและเหลือเชื่อมาก บางคนเชื่อถือและใช้ไสยศาสตร์จนแทบจะขาดไม่ได้ หลงใหลว่าไสยศาสตร์จะสามารถช่วยได้ทุกเรื่อง บางคนหนักเข้ากลายเป็นร่างทรงไปก็มีมาก บางคนมีช่องทางเห็นเป็นทางได้เงินได้ร่ำได้รวยไปก็มาก ส่วนคนไม่เชื่อก็ค้านหัวชนฝา แต่พอได้จังหวะสบโอกาสมีประสบการณ์จากวิญญาณบ้าง หรือสิ่งเร้นลับบ้างก็จะเชื่ออย่างงมงายไปเลยก็มี องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนให้เรารู้จักพิจารณาในสิ่งต่าง ๆ ที่ควรเชื่อ ให้รู้จัก ให้มีเหตุ ให้มีผล ไม่ใช่เชื่อไปเสียทุกอย่างหรือคัดค้านไปเสียทุกอย่าง ต้องมีสติให้รู้จักคิด ให้รู้จักตรึกตรองดู ถ้าเรามีสติ เราไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง เขาก็จะได้ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อให้คนอื่นเขาหลอก
ในส่วนของผู้เขียนพอจะมีพื้นฐานทางไสยศาสตร์อยู่บ้างเท่าที่ได้ศึกษาเล่าเรียนมาจากครูบาอาจาย์ จึงอยากให้ข้อคิดกับผู้สนใจในเรื่องไสยศาสตร์ได้รับรู้หรือนำไปพิจารณาหาเหตุหาผลกันดูบ้าง พระพุทธศาสนาของเราเป็นศาสนาที่มีเหตุ มีผล ใครทำอะไรไว้ก็จะได้รับผลกรรมเหล่านั้น ไม่วันใดวันหนึ่ง จะช้าหรือเร็ว เราไม่สามารถที่จะล้างบาปกรรมเหล่านั้นได้ แต่ก็สามารถบรรเทาหรือชลอกรรมบางอย่างได้ ยิ่งถ้าเรารู้จักรักษาศีลห้าเท่าที่ทำได้ สวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิทำกรรมฐาน มีเมตตาช่วยเหลือผู้อื่น สร้างคุณงามความดีไม่เบียดเบียนผู้อื่น ก่อนจะทำอะไรให้กับใคร ก็หมั่นคิดก่อนว่า ถ้าเขาทำกับเราอย่างนี้ เราจะเป็นอย่างไร ชอบหรือไม่หมั่นทำในสิ่งที่ดีงาม อย่างทำในสิ่งที่ไม่ดี มันจะเป็นกรรมที่สะสมไปเรื่อย ๆ แม้แต่กรรมเล็ก ๆ ถ้าทำบ่อย ๆ ก็จะทำให้เป็นกรรมหนักขึ้นได้ คุณงามความดีก็เช่นกัน เมื่อเราได้สร้างได้สะสมมันก็จะยิ่งมีมากขึ้น ๆ ยิ่งถ้าเราทำให้เป็นปกติก็จะยิ่งเป็นสิ่งที่ดียิ่งขึ้น
ในปัจจุบันมีคนเข้าใจผิดกันมากและหลงเชื่อกันมากว่า พระอาจารย์รูปนี้เทศนาดี (แปลกแหวกแนวกว่า พูดถูกใจกว่าหรือโฆษณามากกว่า เอาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือในพระไตรปิฎกดัดแปลงเป็นของตน) พระอาจารย์รูปนี้ อาจารย์คนนี้มีอาคมขลัง เก่งสารพัด ทำวิชาได้ทุกอย่าง ปลุกเสกสารพัดเครื่องรางที่เป็นมงคลบ้าง ไม่เป็นมงคลบ้าง รูปแบบแปลก ๆ ประหลาด ๆ ไม่เคยพบไม่เคยเห็นมาก่อน ผู้คนเห็นเป็นเรื่องแปลก เรื่องขลังตามอย่างที่เขาโฆษณาชวนเชื่อ (ก็เขาเสียเงินจ้างทำโฆษณา) ซึ่งเป็นเรื่องที่เขาว่าก็หลงเชื่อว่าเขาเก่งจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่พระอาจารย์หรืออาจารย์เหล่านั้นไม่ได้ร่ำเรียนวิชาทางไสยศาสตร์เลย หรืออย่างดีก็แค่ซื้อตำรับตำรามาอ่าน มาทำความเข้าใจเอาเอง เพื่อใช้ประกอบการหลอกลวงของตนให้คนหลงเชื่อเพื่อที่จะได้ชื่อเสียงเงินทอง ซึ่งเดี๋ยวนี้มีการจัดทำเป็นขบวนการสร้างพระเกจิให้มีชื่อเสียงได้ง่าย ๆ
ยิ่งปัจจุบันมีระบบโซเชียลเน็ทเวิร์คก้าวไกลสามารถร่วมกลุ่มปั่นราคาพระเกจิ และวัตถุมงคลที่จัดสร้างขึ้นโดยไม่ผิดกฎหมาย (ไม่เหมือนปั่นหุ้น) ยอดเงินโดยรวมที่จะได้ก็มีมากพอที่จะทำให้เกิดความโลภที่จะหลอกลวงผู้อื่นได้โดยไม่มีความระอายใจ คนเหล่านี้กระทำความผิดจนเป็นปรกติ อักขระเลขยันต์ที่ใช้เขียนลงในวัตถุมงคลก็สักแต่ว่าเขียน ๆ ลงไป (มีรอยจารขายได้ราคาดี) ผิด ๆ ถูก ๆ ทั้งตัวยันต์และความหมายเพราะไปลอกแบบเขามาซึ่งหลาย ๆ ท่านก็ว่าวิชาของกู ไม่เกี่ยวกับมึง เลขยันต์บางอย่างท่านอาจารย์เหล่านั้นไม่เคยรู้จักไม่เคยร่ำเรียนมาเลย แต่นักสร้างทั้งหลายก็ได้ใส่ส่งไปในวัตถุมงคลให้มีรูปแบบที่สวยงาม ดูแล้วขลัง ตั้งชื่อรุ่นดี ๆ เพื่อชักจูงให้คนอยากได้ ให้สามารถโปรโมทให้มีการหมุนเวียนในตลาดจะได้สร้างราคาซึ่งขายขึ้น
ไว้อีกสักพักจะเขียนวิธีการเขียนและอ่าน อักขระขอมซึ่งเป็นความรู้เบื้องต้นของผู้สนใจที่จะเรียนไสยศาสตร์ที่จะต้องสามารถอ่านออกเขียนได้อย่างถูกวิธี ไม่ใช่แค่คัดลอกยันต์ของเขาไปแล้วก็จะใช้ได้ การที่จะเรียนรู้ไสยศาสตร์ไม่ใช่เรื่องยากและก็ไม่ได้ง่ายนัก ต้องใช้เวลาเรียนรู้ อดทน และฝึกฝนจนเกิดความชำนาญ อาจต้องใช้เวลาเพียรทำกันเป็นปี ๆ เพื่อจะได้เรียนรู้ในระยะเริ่มต้น หรือในวิชาเฉพาะบางอย่าง ไม่ใช่อยู่ ๆ ก็จะเป็นอาจารย์ได้ และก็ไม่สามารถเก่งจนทำได้ทุกอย่าง ต้องนั่งสมาธิประจำสม่ำเสมอ หากไม่ปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ วิชาที่ร่ำเรียนมาก็อาจจะถอยหลังลงคลอง
จึงอยากฝากไว้เป็นข้อคิดสำหรับนักสะสมหรือเชื่อในไสยศาสตร์อันเร้นลับ เพราะไสยศาสตร์ไม่ได้ทำได้ทุกเรื่อง สิ่งต่าง ๆ จะสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับผู้ทำ ผู้ใช้ และผู้ถูกกระทำด้วย ซึ่งองค์ประกอบสมบูรณ์หรือไม่
ผู้ทำ คือตัวอาจารย์ มีความสามารถในการทำวิชา นั้น ๆ จริงหรือไม่ ทำได้เข้มขลังแค่ไหน มีผลสะท้อนกลับมาให้ผู้ใช้อย่างไร
ผู้ใช้ คือตัวผู้ให้ทำหรือใช้วัตถุมงคลนั้น ๆ หากมีความเชื่อ ความมุ่งมั่น มีการทำกรรมร่วมกันมาก่อน มีกุศลผลบุญอยู่บ้าง เจตนาในการใช้วัตถุมงคลในทางที่ดี ได้รับวัตถุมงคลมาอย่างถูกต้อง ไม่ได้เบียดเบียนมา
ผู้ถูกกระทำ คือผู้ที่จะต้องเป็นไปตามใจที่ต้องการ หากสภาวะจิตของเขาอ่อนแอก็จะถูกอำนาจของไสยศาสตร์ควบคุมได้ง่าย มีกรรมร่วมกันมาก่อน ยิ่งไม่มีการทำความดี ไม่สวดมนต์ไหว้พระ ไม่มีเครื่องมงคลคุ้มครองก็ยิ่งเปิดโอกาสให้สิ่งเร้นลับเข้าครอบงำได้ง่าย ถึงเวลาก็ต้องรับกรรมนั้น
เมื่อเรารู้จักพื้นฐานของการใช้ไสยศาสตร์แล้ว หากเกิดความเชื่อถือ ไม่อยากประมาทที่จะเรียนรู้หรือเกรงกลัว เราก็ควรหมั่นรักษาศีลห้า (เท่าที่จะสามารถทำได้ ทำไปเรื่อย ๆ ก็จะเคย) สร้างแต่กุศลที่ดีงามให้เริ่มต้นที่ตัวเรา พ่อแม่ ผัวเมีย ลูก พี่ น้อง ญาติและคนอื่น ๆ ทั่วไป โดยให้ความรัก ความเมตตา ช่วยเหลือเกื้อกูลดูแล พอแต่ที่เราสามารถทำได้ ไม่เกลียดชัง ไม่ทำร้ายกัน ให้หมั่นไหว้พระ สวดมนต์ บำเพ็ญกรรมฐานด้วยความตั้งใจ ด้วยความสงบ ไม่รบกวนผู้อื่น เพื่อสร้างบุญกุศลให้เป็นเกราะคุ้มครองรักษาเราและคนที่เรารัก
ก่อนที่จะสายจนเกินไป มนุษย์เราเป็นสัตว์สังคมต้องมีการรวมกลุ่ม ต้องมีการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เรียนรู้ที่จะอยู่ด้วยกัน ให้อภัยซึ่งกันและกัน อดทน อดกลั้นกับคำพูด การกระทำและสิ่งอื่น ๆ ที่จะมากระทบเรา ยอมรับในโชคชะตา ถ้าเราทำเต็มที่หรือดีที่สุดแล้ว แต่อย่าท้อถอยที่จะเริ่มต้นทำสิ่งดี ๆ ใหม่ ไม่มีอะไรสายเกินไปหากเรายังมีชีวิตอยู่ ถึงแม้จะช้าไปบ้างแต่ก็ไม่สายจนเกินไปที่จะสร้างสิ่งดีงามให้เกิดขึ้นกับตัวเราและคนอี่น ๆ