ในสังคมสมัยใหม่การกระทำในสิ่งต่าง ๆ การดำเนินชีวิต ความคิดเห็น ทัศนคติ ขนบธรรมเนียมประเพณีต่าง ๆ ก็ได้เปลี่ยนแปลงไปตามยุคตามสมัย คนรุ่นใหม่จึงอาจจะหลงลืมความรู้ทางพุทธศาสนา ซึ่งเป็นศาสนาประจำบัตรประชาชน เพราะไม่เคยเรียนรู้ ไม่เข้าใจว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนอะไร ไม่รู้ว่าสิ่งที่ควรจะทำคืออะไร ผู้เขียนจึงอยากจะทำความเข้าใจให้รู้ก่อนว่า ผู้เขียนไม่ใช่พระสงฆ์ ไม่ใช่นักปราชญ์ เป็นเพียงแค่คน ๆ หนึ่งที่พอจะรู้มาบ้าง จึงบอกกล่าวให้คนรุ่นหลังได้รับรู้บ้างเท่าที่จะทำได้ จึงขออภัยต่อผู้ที่ทรงความรู้ทั้งหลายด้วย ความเข้าใจของผู้เขียนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนให้กระทำแต่สิ่งที่ดีงาม ให้ละเว้นความชั่วหรือสิ่งไม่ดี พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนให้รู้จักทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ การดับแห่งทุกข์ วิธีการดับทุกข์เหล่านั้น นี่คือพื้นฐานของพระพุทธศาสนา ใครทำสิ่งใดไว้ก็จะได้รับสิ่งนั้นตอบแทน เมื่อเราปลูกข้าว เราก็จะได้ข้าวในเวลาไม่ช้าก็เร็ว ไม่มีใครจะหนีกฏแห่งกรรมอันเป็นธรรมชาตินี้ไปได้
เคยทำแท้ง ที่จริงแล้วผู้เขียนไม่ต้องการที่จะเขียนเรื่องนี้ก่อน แต่มีคนสอบถามกันเข้ามามากเหลือเกิน สังคมในปัจจุบัน ศีลธรรมได้เปลี่ยนแปลงไปมาก ผู้หญิงและผู้ชายมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกันว่าจะทำอะไรก็ได้ ต่างคนต่างมีอาชีพมีรายได้จึงเป็นตัวของตัวเองมาก ไม่ต้องง้อ ไม่ต้องพึ่งฝ่ายตรงข้าม ลูกหลานก็เชื่อฟังพ่อแม่ปู่ย่าตายายน้อยลง ใกล้ชิดเชื่อเพื่อนมากกว่า ทั้งที่วัยวุฒิมีพอ ๆ กัน ประสบการณ์พอ ๆ กัน ผู้ชายผู้หญิงใกล้ชิดกันมากขึ้น รักกันง่ายขึ้น มีเพศสัมพันธ์กันง่ายชึ้น เลิกกันก็ง่ายขึ้น การทำแท้งกินยาขับก็ง่ายขึ้น ยิ่งในสังคมออนไลน์ สามารถปรึกษาได้ทุกเรื่อง การตัดสินใจที่ผิดพลาด กระทำกรรมลงไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือไม่เข้าใจว่าเป็นสิ่งผิด เมื่อมีปัญหาก็ทำแท้ง กินยาขับ หรือไปให้หมอเอาออก ถ้าหากมีสติรู้จักควบคุมซึ่งปัจจุบันตัวช่วยก็มีมากมาย ปัญหาก็จะไม่เกิดซึ่งเป็นปัญหาใหญ่มาก
การทำแท้งผิดทั้งกฏหมายและศีลธรรม ส่วนทางพระพุทธศาสนาถือว่าผิดมากเป็นกรรมหนัก เพราะได้กระทำการพรากชีวิตผู้อื่น ผลของกรรมนั้นเราก็ต้องได้รับทุกขเวทนา ทรมาน พลัดพรากจากสิ่งที่พึงมีพึงได้ กระทำการสิ่งใด ๆ ก็จะประสบแต่ความล้มเหลว เดือดร้อน อับโชค ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ เมื่อไปหาหมอไสยศาสตร์ ก็จะรู้ว่าการทำแท้งนั้นส่งผลกับชีวิตทั้งผู้ชายและผู้หญิงเหล่านั้น มากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่ผลบุญที่ได้เคยสร้างมายังส่งผลคุ้มครองอยู่แค่ไหน เมื่อผลบุญนั้น ๆ หมดไปก็จะต้องรับกรรมที่ทำนั้นเต็ม ๆ มีคนมาถามกันมากว่าทำไมการทำแท้งถึงส่งผลได้ถึงขนาดนี้ ในทัศนะของผู้เขียนเท่าที่ครูบาอาจารย์ได้เล่าให้ฟังว่า ชีวิตของคน ๆ หนึ่งจะมีอายุสักเท่าไร เราไม่อาจจะรู้ได้ว่าเขาเกิดมาเป็นคนดีคนชั่วอย่างไร ใช้ชีวิตอย่างไร กรรมมาตัดรอนอย่างไร แต่เมื่อถูกฆ่าตายตั้งแต่ในท้องจิตหรือวิญญาณก็ไม่มีที่อยู่ จะต้องทนทุกข์ทรมานไปจนกว่าจะหมดอายุไข แต่ด้วยเหตุที่วิญญาณยังเป็นเด็กอยู่ จึงไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก ต้องอาศัยเกาะพ่อแม่อยู่ ซึ่งเป็นการทุกข์ทรมานมาก บุญกุศลพ่อแม่ก็ไม่เคยส่งให้ ก็ยิ่งได้รับความลำบาก กุศลเก่าก็ค่อย ๆ หมดไป ก็ยิ่งต้องทนทุกขเวทนายิ่งขึ้น เมื่อวิญญาณที่ถูกพรากได้รับทุกขเวทนา ผู้พรากคือพ่อและแม่จึงต้องรับกรรมนั้นเช่นกัน แม้กระทั่งผู้ให้การสนับสนุนช่วยเหลือให้เกิดการทำแท้ง จะต้องรับกรรมในส่วนนั้น ๆ เช่นกัน เพราะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดให้เกิดการฆ่า
เมื่อมีผู้เดือดร้อนในเรื่องนี้มากขึ้นจึงเกิดเป็นอาชีพรับช่วยเหลือผู้ที่ได้เคยทำแท้งเกิดขึ้น มีทั้งพระและอาจารย์อีกหลาย ๆ สำนักแล้วแต่จะคิดทำกัน ผู้เขียนพอจะรู้จักผู้ที่สามารถกระทำพิธีช่วยเหลือวิญญาณและพ่อแม่เด็กตามแบบอย่างโบราณซึ่งได้ร่ำเรียนสืบต่อกันมาก เดิมทีเดียวเป็นวิธีช่วยวิญญาณของคนที่ตายไปแล้ว ซึ่งเราไม่รู้ว่าผู้ตายนั้นถึงวาระที่จะตายหรือยัง วิญญาณทนทุกข์ทรมานอยู่หรือเปล่า ยังมีอาการเจ็บป่วยอยู่หรือเปล่า ถึงเวลาที่จะไปเกิดแล้วหรือยัง เรื่องเหล่านี้เป็นความเชื่อและพิสูจน์ไม่ได้
หากท่านใดสนใจหรืออยากจะลอง เสียเงินสัก 4-5 พันบาททดลองดู เพื่อความสบายใจก็ลองติดต่อกับอาจารย์เหล่านี้ดู