หลวงพ่อประเทือง
เสียงเล่าลือ
ประมาณปี 35-36 แถบบางขุนเทียนมีเสียงเล่าลือกันมากว่า มีนักศึกษาหนุ่ม ๆ คนหนึ่งโดนดักทำร้าย โดยใช้มีดปลายแหลมแทงจนจุกล้มฟุบลงไปกอง พวกที่รุมกินโต๊ะได้กระจายกันไป สักพักก็มีคนเข้าไปดูและพบว่านักศึกษาคนนั้น
ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่มีรอยฟกช้ำจากมีดและสหบาทาเท่านั้น ที่แปลกใจกันมากเพราะในคอนักศึกษาคนนั้น มีเหรียญของหลวงพ่อประเทืองวัดหนองย่างทอย เพชรบูรณ์ ที่ได้รับแจกมาจากงานทอดกฐินที่วัดของท่าน เมื่อไม่กี่วันก่อนเหรียญเดียวเท่านั้น ไม่มีตะกรุดหรือสักยันต์จากอาจารย์อื่นเลย ทำให้คนแถบวัดบางประทุนนอกและคนแถบวัดไทรต่างสนใจและอยากรู้จักว่า หลวงพ่อประเทือง
เป็นใคร อยู่ที่ไหน เก่งอย่างไร เพราะตอนนั้น หลวงพ่อประเทืองไม่ได้เป็นพระที่มีชื่อเสียงโด่งดังอะไรนัก เมื่อคนและพระที่ประสบเหตุในวันนั้นได้รับทราบที่อยู่ก็มีการไปหาหลวงพ่อ จนเป็นที่เลื่องลือขึ้นอีก เพราะหลวงพ่อประเทืองเป็นพระที่มีความเมตตา และพระพัฒนาไม่ใช่พระทั่วๆ ไป ไม่สนใจเรื่องเงินเรื่องทองนัก บ้างก็ว่าท่านเป็นพระนักเลงชอบเรื่องคงกระพันชาตรี ใส่พระของท่านแล้วชอบมีเรื่องมีราวกับคนอื่น ต่างก็กล่าวกันไปต่าง ๆ นานา
หาความจริง
มีคนมาชวนให้ไปหาหลวงพ่อประเทือง วัดหนองย่างทอย เพชรบูรณ์ บรรยายสรรพคุณมากมาย เรื่องประสบการณ์ของคนนั้น คนนี้ ส่วนพวกที่มากวนบ้างก็ว่า หลวงพ่อใจดี บ้างก็ว่าท่านแจกฟรีแต่ต้องโดนฟันด้วยมืดสปาต้าร์ บ้างก็ว่าท่านสักยันต์ให้เป็นสุดยอดแคล้วคลาดคงกระพันแต่ไม่ค่อยยอมสักให้ใคร พอโดนคนชวนมาก ๆ เข้าก็เลยไปก็ไปจะได้รู้กันสักที่ว่าเจ๋งขนาดไหนถึงวันไปหาหลวงพ่อประเทืองเข้าจริง ๆ คนที่จะพาไปพูดเป็นมั่นเป็นเหมาะว่ารู้จักทางไม่หลงแน่นอนก็เลยเหมารถตู้กันไปกันประมาณ 10 คน ไปเข้าจริง ๆ หลงครับ ต้องย้อนไปย้อนมากว่าจะหาทางเข้าวัดพบ เพราะทางเข้าวัดเล็กมาก ป้ายชื่อวัดก็เล็กนิดเดียวแถมต้องเข้าซอยไปอีกเมื่อถึงวัดก็เห็นว่าเป็นวัดบ้านนอกจริง ๆ ไม่ได้เจริญหูเจริญตาแบบหลาย ๆ วัดที่ดัง ๆ มีกุฏิศาลาและกำลังก่อสร้างอย่างอื่น ๆ อีก มีตู้จำหน่ายวัตถุมงคลตรงด้านหน้าที่จะเข้าไปหาหลวงพ่อ มีพระคอยดูแลให้เช่าวัตถุมงคลอยู่ มีทั้งตะกรุด พระเนื้อผงและเหรียญอีกหลายรุ่น
พระผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตา
เข้าไปกราบหลวงพ่อประเทือง และได้สนทนากับท่านก็ชอบใจ ท่านเป็นพระที่หาได้ยากมากในปัจจุบัน ท่านมีเมตตาต่อทุกคน ใครขออะไรถ้าท่านมีหรือส่วนที่เป็นของท่านท่านก็จะแจกให้ใครให้ทำอะไรก็ทำให้ไม่อิดออด ไม่สนใจว่าจะให้อะไรท่านตอบแทนหรือเปล่าคนกรุงเทพฯ หรอืคนต่างจังหวัด คนพื้นที่ ท่านก็ดูแลรับแขกเหมือนกันหมดไม่มีแบ่งแยก มีนายทหารมาหาท่าน ท่านก็พูดคุยด้วยเหมือนกับทุกคนโดยรับแขกร่วมกันในห้องนั้น มีอะไรก็บอกท่านทุกคนที่อยู่ก็ได้รับรู้เหมือนกัน ไม่มีความลับ ไม่ได้ไปคุยส่วนตัว ใครมีทุกข์มีสุขอย่างไร เล่าให้ท่านฟัง ท่านก็ฟังและสั่งสอนบ้างโดยใช้ภาษาง่าย ๆ บ้าน ๆ เข้าใจง่าย ๆ ไม่ต้องแปล ใครอยากทำบุญก็ทำ ใครอยากเช่าวัตถุมงคลก็ไปเช่าที่ตู้ของวัด ท่านว่าไม่ใช้ของท่าน ของของวัดเป็นส่วนรวม ใครอยากขอพระฟรีก็ขอกับท่าน ถ้าท่านมีท่านก็จะแจกให้ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ ผู้หญิงหรือคนแก่ เหรียญเงิน ทองเหลือง ทองแดง ถ้าเป็นของท่านแล้วมีคนขอท่านก็จะเมตตาให้
หลวงพ่อผู้น่าสงสาร
ผู้เขียนนั่งคุยอยู่กับหลวงพ่อประเทืองและคณะศิษย์ต่าง ๆ จนได้เวลาฉันเพลของท่านชาวบ้านก็นำภัตตาหารเพลมาถวาย ผู้เขียนจึงได้รับรู้อีกเรื่องหนึ่งของชีวิตพระบ้านป่าที่ต้องฉัน ภัตตาหารแบบตามมีตามเกิดเพราะชาวบ้านก็ไม่ได้มีรายได้อะไรนัก จึงไม่สามารถปรนเปรอพระที่นับถือได้ไม่เหมือนกับพระในกรุงเทพฯ ในเมืองหรือพระดัง ๆ แม้กระทั่งพระป่ากรรมฐานที่เขาว่ากันว่าเคร่งนักเคร่งหนา ฉันแต่ของในบาตรเดียว กับข้าวแสนหรูที่สรรหามาให้พระแม้แต่ข้าวยังต้องพิเศษ ผลไม้ดี ๆ จากเมืองนอก
ที่คนอีกมากายไม่เคยแม้แต่จะได้พบเห็นของจริง อย่าว่าแต่จะได้ลิ้มชิมรสของที่เหล่าญาติโยมทั้งหลายนำมาปรนเปรอพระ ช่างเหมือนกับจะข่วยส่งเสริมให้พระเกิดความโลภในของขบฉัน อีกทั้งน้ำปานะที่บำรุงร่างกายทั้งหลายที่ประเคนให้สารพัดจะบำรุง เห็นแล้วก็ปลงสังเวช นี่หนอพระหลวงตาที่อยู่ไกลปืนเที่ยง ไม่เคยได้รู้ลิ้มชิมรสชาติของที่เขาว่าอร่อย ๆ ขอโทษที ของอร่อย ๆ หรือที่พระหลวงตาชาวบ้านเรียกว่าของชาวฟ้า ชาวสวรรค์ เคยเห็นพระในกรุงโยนทิ้งถังขยะอยู่บ่อย ๆ ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง แกงกะทิ ขาหมู เป็ดย่าง พระในกรุงส่วนใหญ่เมินเฉย ถ้าร้านไม่ดัง ไม่อร่อย ก็อาจจะโยนทิ้งไปเลย แต่ขอบอกให้นะครับ พระหรือชาวบ้านตามชนบทบางแห่ง สิ่งที่ท่านทิ้ง ได้โยนทิ้งไปนี่แหละ เปรียบเสมือนของจากสรวงสวรรค์ของผู้คนอีกมากมาย เพราะพวกท่านไม่เคยไปมองดู ไม่เคยไปสนใจ จึงไม่เห็นคุณค่าของ ของ เหล่านั้น และคนเหล่านั้นช่างน่าสงสารจริง ๆ(อ่านต่อตอนหน้า)